Juzmatch

FAQS

ทำไมผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ ถึงซื้อได้ยาก?

ต้องยอมรับเลยว่าการซื้อขายอสังหาฯ ในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคนที่อยากมีบ้านแต่ไม่พร้อมที่จะกู้ธนาคาร เนื่องจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้
ทางธนาคารค่อนข้างที่จะอนุมัติอย่างระมัดระวัง ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ มีดังต่อไปนี้
- อาชีพอิสระ มีรายได้ที่สามารถผ่อนได้ แต่กู้ได้ยากเนื่องจากหลักประกันไม่เพียงพอ
- การผ่อนตรงนอกระบบธนาคาร หรือนายทุน มีดอกเบี้ยสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้บ้าน/ห้อง
- กลุ่มที่ทำธุรกิจส่วนตัว ต้องการที่จะเก็บเครดิตไว้สำหรับลงทุนหมุนเวียนต่อยอดในธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถใช้เงินเก็บในการซื้ออสังหาฯได้
- กลุ่มที่ยังไม่มีเงินก้อน ทำให้ไม่สามารถซื้ออสังหาฯ ได้ทันที จึงต้องใช้เวลาในการเก็บเงินให้ครบตามจำนวน
- กลุ่มระหว่างสร้างเครดิต เพื่อกู้ในอนาคต ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ได้แก่ กลุ่มที่ไม่เคยเดิน Statement, ไม่มีเครดิต และติดเครดิตบูโร


คนที่ต้องการบ้าน แต่ไม่มีเครดิต ต้องทำยังไง ?

สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการบ้าน แต่ยังไม่มีเครดิตที่เพียงพอ สามารถทำได้ 3 วิธีดังนี้
1. การเช่า
- การเช่ารายเดือน : ผู้เช่าสามารถเข้าอยู่ในอสังหาฯนั้นได้เลย แต่ไม่สามารถที่จะเป็นเจ้าของได้ เหมาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการลงหลักปักฐานในพื้นที่นั้น
2. การซื้อ
- การซื้อด้วยเงินสด : เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ไม่มีภาระหนี้สิน และมีเงินสดเพียงพอที่จะซื้ออสังหาฯนั้นๆ
- การกู้สถาบันการเงินนอกระบบ : การซื้อโดยการกู้เงินจากสถาบันการเงินนอกระบบมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติ
3. การเช่าซื้อ
- การผ่อนตรงกับโครงการ หรือเจ้าของ : การผ่อนกับเจ้าของบ้าน/โครงการโดยตรงสามารถทำได้ แต่มีความเสี่ยงที่เจ้าของบ้านจะไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้
- ผ่อนตรงกับนายทุน : การผ่อนประเภทนี้ ทางนายทุนจะเป็นคนที่ออกค่าบ้านให้ โดยที่ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าเช่าและค่าซื้อให้กับนายทุน แต่ก็มีความเสี่ยงที่
นายทุนจะปรับเงินดอกเบี้ยให้สูงขึ้นหรือไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้


การเช่าซื้อคืออะไร ? ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยม ?

หนึ่งในรูปแบบการซื้ออสังหาฯ ที่เปิดโอกาสให้คนที่กู้ไม่ผ่าน หรือมีเงินไม่เพียงพอ สามารถเป็นเจ้าของอสังหาฯได้ นั่นก็คือ การเช่าซื้อ (Rent to Buy) การเช่าซื้อ (Rent to Buy) คือ สัญญาในการซื้อทรัพย์สินด้วยการเช่าก่อนการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินในภายหลัง ซึ่งผู้เช่าซื้อได้เป็นเจ้าของทรัพย์แน่นอน (Ref : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ขยายความคือ ทางนักลงทุน (Investor) จะเป็นเจ้าของทรัพย์ของผู้เช่าซื้อ (Buyer) ในกรณีที่ผู้ขาย (Seller) ต้องการขายขาดรับเงินก้อน Juzmatch จะหานักลงทุนมาซื้อ ในส่วนของกรณีที่ผู้ขายจะเป็นเจ้าของทรัพย์ ผู้ขายจะให้ผู้เช่าซื้อ ผ่อนเช่าซื้อกับตนเอง โดยมี Juzmatch เป็นตัวกลาง แต่ทั้ง ผู้ขายและ นักลงทุนจะไม่ได้ให้สิทธิ์กับผู้เช่าซื้อโดยตรง แต่จะผ่าน Juzmatch ทางนักลงทุน/ผู้ขาย จะให้สิทธิ์ในการบริหารกับ Juzmatch และ Juzmatch จะให้สิทธิ์ในการเช่า แก่ผู้เช่าซื้อและให้ผู้เช่าซื้อ ผ่อนเพื่อลดหนี้ค่าบ้านไปพร้อมๆกันระหว่างอายุสัญญา และ Juzmatch ในนามของผู้บริหารสินทรัพย์นั้น จะให้สิทธิ์ในการซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ แก่ผู้เช่าซื้อ เมื่อสิ้นสุดสัญญา 3 ปี โดยมี Juzmatch เป็นตัวกลาง ผู้เช่าซื้อต้องจ่ายหนี้ส่วนที่เหลือแก่ Juzmatch ถึงจะโอนกรรมสิทธิ์อสังหานั้นได้ ( Juzmatch นำเงินที่ได้ไปเคลียหนี้ให้ นักลงทุน /ผู้ขายอีกที)


บทบาทของ JUZMATCH คืออะไร ?

บทบาทของ Juzmatch คือ เป็นคนกลางระหว่าง ผู้ขาย (Seller), ผู้เช่าซื้อ (Buyer) และ นักลงทุน (Investor) ที่ Juzmatch เข้ามารับความเสี่ยง และช่วยเหลือให้การซื้อขายและลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยทาง Juzmatch เป็นตัวแทนนักลงทุน (Investor) ในการซื้ออสังหาฯ นั้นๆ จากผู้ขาย (Seller) ที่ขายขาดให้กับนักลงทุน โดยมี Juzmatch เป็นผู้บริหารจัดการและรับความเสี่ยง แทนนักลงทุน ในขณะเดียวกันเองทาง Juzmatch ก็จะหาผู้เช่าซื้อให้มาเช่าและผ่อนตรงกับทาง Juzmatch โดยนักลงทุน (Investor) เองจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซื้ออสังหาฯ นั้นอีกที นอกจากนี้แล้วทาง Juzmatch ก็มีเงื่อนไขกับผู้เช่าซื้อคือให้ระยะเวลา 3 ปี จ่ายโปะปิดสัญญา ก่อน 3 ปีได้ ไม่มีค่าปรับ


เข้าร่วมกับ JUZMATCH แล้วดีต่อ BUYER อย่างไร?

Juzmatch ช่วยผู้เช่าซื้อ (Buyer) ดังต่อไปนี้
- ข้อจำกัดน้อยกว่าการซื้อด้วยการกู้ธนาคาร
- ทางเลือกในการเลือกโครงการที่หลากหลาย เข้าอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องกู้ ทั้งโครงการเก่าและใหม่
- ช่วยปรับปรุงเครดิตให้ ในระยะเวลาที่มากขึ้น
- มีโอกาสได้กำไรจากการขายเก็งกำไรในอนาคต ในกรณีที่ผู้ซื้อต้องการขาย
- ไม่มีความเสี่ยง (ในกรณีที่ต้องการยกเลิกในระหว่างติดสัญญา สามารถยกเลิกได้โดยไม่เป็นภาระหนี้สิน)
- ดอกเบี้ยถูกกว่าสถาบันการเงินนอกระบบ
- ได้บ้านแน่นอน หากมีวินัยทางการเงิน เพราะทาง Juzmatch จะช่วยจัดการให้
- ถูกกว่าการเช่า และไปซื้อในอนาคต ในกรณีที่ต้องการซื้อในช่วงเวลาที่พร้อม แต่ราคาทรัพย์นั้นๆ อาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมมาก

ถ้าสนใจฝากขายทรัพย์ สามารถเป็นทรัพย์ประเภทใดได้บ้าง ?

Juzmatch รับฝากขายทรัพย์ที่อยู่ในพื้นที่ดังต่อไปนี้
จังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล เชียงใหม่ ภูเก็ต ระยอง ชลบุรี หัวหิน ชะอำ นครปฐม อยุธยา สระบุรี นครราชสีมา อุดรธานี และขอนแก่น
ประเภททรัพย์ที่เปิดรับ ได้แก่ บ้าน คอนโด และ อาคารพานิชย์


มีค่าใช้จ่าย หรือ เงื่อนไขในการฝากขายอย่างไร ?

ไม่มีค่าใช้จ่ายในการฝากขายทรัพย์ แต่ในกรณีที่ขายทรัพย์ได้ จะมีค่าธรรมเนียมในส่วนของการโอน โดยจะแบ่งชำระฝ่ายละครึ่ง ระหว่างเจ้าของ
ทรัพย์ และ Juzmatch ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของค่าจดจำนอง และ ผู้เช่าซื้อจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่นๆ

สนใจลงทุนอสังหาฯ แต่ไม่มีความรู้ จะลงทุนได้หรือไม่ ?

สามารถลงทุนได้ เพราะแพลตฟอร์มการลงทุนของ Juzmatch ถูกออกแบบขึ้นมาให้ง่ายและเหมาะสำหรับทุกคน ไม่จำเป็นว่านักลงทุนจะต้องมีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน เพียงแค่นำเครดิตที่มีอยู่มาลงทุน โดย Juzmatch จะเป็นผู้ดูแลและจัดการให้ทุกขั้นตอนตลอดจนครบอายุสัญญา เปรียบเสมือนผู้จัดการส่วนตัวในการดูแลทรัพย์และการจัดหาผู้เช่าซื้อ รวมถึงทำหน้าที่จ่ายผ่อนธนาคารให้ในแต่ละเดือนอีกด้วย


จะมีวิธีตรวจสอบได้อย่างไรว่า เราผ่านคุณสมบัติเพื่อสมัครเป็นนักลงทุน ?

นักลงทุนจำเป็นต้องมีสลิปเงินเดือนหรือเป็นพนักงานประจำที่มีรายได้ชัดเจน จากนั้น เจ้าหน้าที่จะขอข้อมูลของนักลงทุน เพื่อประเมินเครดิตเบื้องต้นว่า นักลงทุนมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ของบริษัทหรือไม่


หลังจากทำสัญญาจองแล้ว ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้รับผลตอบแทน ?

นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนภายใน 60 วัน หลังจากทำสัญญาและมีการโอนกรรมสิทธิ์


นักลงทุนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง ?

บทบาทของ Juzmatch คือ เป็นคนกลางระหว่าง ผู้ขาย (Seller), ผู้เช่าซื้อ (Buyer) และ นักลงทุน (Investor) ที่ Juzmatch เข้ามารับความเสี่ยง และช่วยเหลือให้การซื้อขายและลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยทาง Juzmatch เป็นตัวแทนนักลงทุน (Investor) ในการซื้ออสังหาฯ นั้นๆ จากผู้ขาย (Seller) ที่ขายขาดให้กับนักลงทุน โดยมี Juzmatch เป็นผู้บริหารจัดการและรับความเสี่ยง แทนนักลงทุน ในขณะเดียวกันเองทาง Juzmatch ก็จะหาผู้เช่าซื้อให้มาเช่าและผ่อนตรงกับทาง Juzmatch โดยนักลงทุน (Investor) เองจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซื้ออสังหาฯ นั้นอีกที นอกจากนี้แล้วทาง Juzmatch ก็มีเงื่อนไขกับผู้เช่าซื้อคือให้ระยะเวลา 3 ปี จ่ายโปะปิดสัญญา ก่อน 3 ปีได้ ไม่มีค่าปรับ


ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อไม่สามารถชำระค่าผ่อนให้กับธนาคารได้ จะมีผลอย่างไรกับนักลงทุน ?

ไม่มีผลใดๆ กับนักลงทุน เนื่องจากบริษัทจะทำหน้าที่ผ่อนจ่ายให้กับธนาคารในทุกเดือนตามปกติ ซึ่ง Juzmatch จะดำเนินการหาผู้เช่าชื้อรายใหม่ รวมถึงดูแลทรัพย์ให้อยู่ในสภาพดี และชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจนกว่าจะครบอายุสัญญา