สรุปเทรนด์การลงทุนที่ฉลาดและปลอดภัย จากงาน JUZMATCH Investor Club 2025

เผยแพร่เมื่อ 20 ส.ค. 2568

Event Image
         ในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน ตลาดเงินและตลาดทุนไร้ทิศทาง นักลงทุนจำนวนมากกำลังมองหาทางเลือกใหม่ ที่ไม่เพียงปลอดภัย แต่ยังมีศักยภาพในการเติบโต คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “จะลงทุนในอะไร” แต่คือ “จะลงทุนอย่างไรให้ฉลาด ปลอดภัย และเติบโตได้จริง?”

         JUZMATCH ได้จัดงานสัมมนา JUZMATCH Investor Club 2025 ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้ธีม Smart & Secure ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยมีนักลงทุนอสังหาฯ ของ JUZMATCH และผู้สนใจลงทุนร่วมงานกว่า 400 ราย โดยงาน คุณณัฏฐ์ บุญญาภิบาล COO JUZMATCH ได้เปิดเสวนาชวนเจาะลึกเทรนด์การลงทุนที่แม่นยำสำหรับนักลงทุนไทย ในหัวข้อ “Precise Trends & Thai Market Outlook” โดยได้เชิญ คุณกวี ชูกิจเกษม ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบริหารพอร์ตการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) สายลึกการลงทุน และคุณนรีกุล เกตุประภากร (หมอฟรัง) นักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบการ ตัวแทนนักลงทุนรุ่นใหม่ มาร่วมกระทบความคิดเพื่อค้นหา “การลงทุนที่ฉลาดและปลอดภัย (Smart&Secure)”  บทความนี้จึงได้สรุป 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้



Mega Trend เปลี่ยนไป เทรนด์ไหนยังอยู่และนักลงทุนไทยควรรู้
         ในโลกที่เทรนด์เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว คนจำนวนไม่น้อยอาจสับสนระหว่างสิ่งที่ “กำลังมาแรง” กับสิ่งที่ “คงอยู่ระยะยาว” คุณกวี ชวนทุกคนทำความเข้าใจคำว่า Mega Trend ว่าแท้จริงแล้วมีทั้งเทรนด์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง (เทรนด์ใหญ่) และเทรนด์ที่เปลี่ยนไป (เทรนด์ย่อย) เช่น การสื่อสารคือเทรนด์ใหญ่ ส่วนเทคโนโลยีการสื่อสารคือเทรนด์ย่อย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น เราเริ่มสื่อสารจากนกพิราบส่งสารก่อน เปลี่ยนมาเป็นคนส่งไปรษณีย์ อีเมล โทรศัพท์ สุดท้ายมาเป็นไลน์ เพราะฉะนั้นรูปแบบการสื่อสารมันเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี แต่ Megatrend เรื่องสื่อสารไม่เคยหายไป และในอนาคตเรายังคงต้องสื่อสารกันอยู่ ดังนั้นการสื่อสารคือ Megatrend

         หากจะตอบว่าอะไรคือ Mega Trend ที่ควรรู้และควรลงทุน ส่วนตัวคุณกวีเลือกลงทุนใน Megatrend ที่เป็นเทรนด์ใหญ่ (ไม่ใช่เทรนด์ย่อย) และหากมองมาที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็นับเป็นเทรนด์ใหญ่เช่นกัน

     “Mega Trend มีทั้งเทรนด์ใหญ่ และเทรนด์ย่อย
อสังหาฯ คือ เทรนด์ใหญ่ที่คงอยู่ตลอด แค่เปลี่ยนรูปแบบ”

         — คุณกวี ชูกิจเกษม, Chief portfolio advisory Pi securities PCL —


เศรษฐกิจไทยกับตลาดอสังหาฯ อยู่ในจังหวะวิกฤตแล้วหรือไม่
         คุณณัฏฐ์ วิเคราะห์ภาพใหญ่เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ที่สร้างความกังวลให้กับหลาย ๆ คน ทั้งจาก GDP ที่เติบโตช้า ระดับหนี้ครัวเรือนไทยยังสูงและยังคงเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หากมองมาที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็ย่อมได้รับกระทบเช่นกัน แต่หากจะบอกว่าตลาดอสังหาฯ อยู่ในภาวะวิกฤตก็ไม่ถูกต้อง เพราะถ้ามองลึกลงไปในตลาดของที่อยู่อาศัย จริงๆ มีทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ได้ประโยชน์ในเวลานี้

         กลุ่มที่เจ็บหนักที่สุดในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คือกลุ่มที่มีของอยู่ในมือมากเกินไป เช่น ผู้พัฒนาอสังหาฯ (Developer) เพราะช่วงนี้ตลาดมีความต้องการซื้อลดลงไม่สมดุลกับของที่มี รวมถึงการกู้ไม่ผ่านจากภาระหนี้ครัวเรือนและกฎเกณฑ์สินเชื่อที่เข้มงวดสูงขึ้น ทำให้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ Shift Strategy หันไปพัฒนาโครงการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น และกลยุทธ์ที่จะทำให้มีสภาพคล่องระบายสต๊อกได้ได้คือการลดราคา เพื่อดึงดูดผู้ซื้อในตลาดที่มีกำลังซื้อ นักลงทุนรายย่อยที่อาจจะถือทรัพย์อยู่ในมือจำนวนมาก ต้องแข่งราคาบ้านมือสองกับบ้านมือหนึ่งรายใหญ่ จึงเรียกได้ว่า ช่วงนี้เป็นวิกฤตสำหรับคนมีของล้นมือ

         ในทางกลับกัน ช่วงนี้ ก็เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย และเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่กำลังสนใจการลงทุนที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันและมูลค่าเติบโตได้ เนื่องจากในช่วงเวลาที่ตลาดชะลอตัว ราคาอสังหาฯ จะตก เป็นโอกาสที่ดีในการที่จะเข้าไปลงทุน นักลงทุนเองก็จะได้ต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งโดยปกติตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักร (Real Estate Cycle) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก คือ Recovery (ระยะฟื้นตัว), Expansion (ระยะขยายตัว),  Hyper Supply (ระยะล้นตลาด), Recession (ระยะถดถอย) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในจุดที่เริ่มมี Over Supply ในบาง Segment โครงการบางทำเลเริ่มมีการเร่งระบายสต๊อก เป็นจังหวะที่ผู้ถือเงินสดและมีเครดิตดีเข้าถือครอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้สูงขึ้นในอนาคต

“ในตลาดอสังหาฯ ไม่ได้มีวิกฤตที่แท้จริง มันเป็นวิกฤตสำหรับคนกลุ่มนึง
แต่เป็นโอกาสสำหรับผู้ซื้อและนักลงทุนที่พร้อม”

         — คุณณัฏฐ์ บุญญาภิบาล, COO & Co-Founder JUZMATCH



อะไร คือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ควรหลบภัยในปีนี้
            คุณกวี ชวนทำความเข้าใจ Safe Haven ว่าคือที่พักที่ปลอดภัยในบางช่วงเวลา เป็นการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วในรอบหลายร้อยปี ว่าสามารถให้ผลตอบแทนต่อเนื่องในระยะยาว และคนมีความเชื่อในการลงทุนนั้น ไม่ว่าจะ ทองคำ หุ้น พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้เอกชน คือ Safe Haven ทั้งหมด อสังหาฯ คือหนึ่งใน Safe Haven เพียงแต่จะถูกเรียกว่า Safe Haven ในบางช่วงเวลา อย่างเช่น เวลาเศรษฐกิจดี ตราสารหนี้เอกชน พันธบัตรรัฐบาล จะถูกเรียกว่าเป็น Safe Haven แต่เวลาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหนัก ๆ อย่างตอนนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กลับไม่ได้ถูกมองว่าเป็น Safe Haven เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะคนเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย

            คุณณัฏฐ์ เสริมมุมมองว่า Safe Haven ไม่ได้อยู่ที่สินทรัพย์ แต่ขึ้นอยู่กับ “ช่วงเวลา” และ “ความต้องการจริง” เพราะหุ้นบางตัว พันธบัตรรัฐบาลบางรัฐบาล หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ก็อาจจะมีตัวที่เป็นและอาจจะมีบางตัวที่ไม่ใช่ เช่นเดียวกับ อสังหาฯ ที่ไม่ใช่ทุกอสังหาฯ ที่เป็น Safe Haven เพราะอสังหาฯ มีหลายตัวแปร มีทั้งเรื่องของทำเล ราคา ซึ่งหากจะบอกว่าอสังหาฯ แบบไหนเป็น Safe Haven คุณณัฏฐ์มองว่า ต้องเป็นอสังหาฯ ที่มีความต้องการซื้อหรือความต้องการเช่าจริง ๆ อยู่แล้ว (Real Demand) แต่ปัญหาคือ นักลงทุนบางครั้งก็ไม่รู้ ว่าอสังหาฯ ที่จะลงนั้นจะมีความต้องการจริงหรือเปล่า หรือหากมีตอนนี้แล้ว ในอนาคตจะยังมีอยู่หรือไม่ 

         ปรัชญาการลงทุนของ JUZMATCH คือ เราจะไม่เข้าไปลงทุนในอสังหาที่ไม่มี Real Demand เพราะฉะนั้น ทรัพย์ทุกยูนิตที่เข้ามาในพอร์ตของ JUZMATCH จะมีการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นบ้านที่มีคนอยากเข้าไปอาศัยจริง ๆ เพราะผู้ซื้อยินดีที่จะจ่ายเงินล่วงหน้าอยู่ที่ 10% ของราคาบ้าน ดังนั้นเรามั่นใจได้ว่าเราเป็นคนที่รู้เฉลยในการลงทุน รู้ว่าอสังหาฯ ที่มีความต้องการจริงอยู่ที่ไหน ดังนั้นนักลงทุน JUZMATCH ปลอดภัย เพราะเรากำลังลงทุนในอสังหาฯ ที่มี Real Demand จึงไม่ต้องเสี่ยงขาดทุน

         ในด้านการกระจายความเสี่ยงของ JUZMATCH ปัจจุบันเราถือครองทรัพย์มากกว่า 2,300 หลัง ครอบคลุมหลากหลาย Segment ทั้งในด้านราคา ประเภททรัพย์ และทำเล โดยทุกยูนิตผ่านการประเมิน เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างเป็นระบบด้วย JUZMATCH Asset Score ความเสี่ยงจึงถูกกระจายอย่างมีโครงสร้าง ไม่กระจุกในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจตลาดอสังหาฯ จริง

“อสังหาฯ จะเป็น Safe Haven ได้ ถ้ามีความต้องการจริง (Real Demand)
JUZMATCH รู้เฉลยในการลงทุนอสังหาฯ และเป็นการลงทุนใน Real Demand”

         — คุณณัฏฐ์ บุญญาภิบาล, COO & Co-Founder JUZMATCH

การลงทุนมีให้เลือกหลากหลาย สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ถ้าจะเลือกการลงทุน ควรเริ่มอย่างไร

            คุณฟรัง แชร์มุมมองการลงทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ข้อมูลเยอะ การเข้าถึงข้อมูลผ่านโลกอินเตอร์เน็ตง่าย ซึ่งถือว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือ การที่ข้อมูลเยอะและเข้าถึงข้อมูลง่ายเกินไป ทำให้เจอกับข่าวบางอย่างที่จริงและบางข่าวไม่จริง เจอข้อมูลที่อาจถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อเรียกการมีส่วนร่วม (Engagement) หรืออาจเจอกับข้อมูลที่มีอคติ (Bias) แต่ข้อดีก็คือ เราสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง หากเราศึกษามันมากพอ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน จะทำให้เราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีจริง ๆ

         จากประสบการณ์การลงทุนของตัวเองใน 3 ปีที่ผ่านมา สอนให้เรารู้ว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนตามเทรนด์ เราต้องรู้จักตัวเองให้ดีที่สุดว่าเราเป็นใคร เป้าหมายในการลงทุนของเราคืออะไร และรู้จักไลฟ์สไตล์ของเรา เพื่อให้เราสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนได้เหมาะสมกับตัวเองได้ที่สุด 


"เราต้องศึกษาข้อมูลให้มากพอ เลือกตัดสินใจลงทุนในสิ่งที่เรารู้จริงและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
         — หมอฟรัง นรีกุล เกตุประภากร, คุณหมอ นักธุรกิจ และตัวแทนนักลงทุนรุ่นใหม่"

         คุณกวี เห็นด้วยว่า หากเรามีความรู้ลึกในเรื่องอะไร เราจะสามารถทำกำไรจากมันได้ ยกตัวอย่าง เคสจริง ของผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกแป้งมันสำปะหลัง ที่ต้องขนส่งแป้งเป็นประจำ มีความใกล้ชิดกับธุรกิจเดินเรือ เขาเลือกลงทุนในหุ้นเกี่ยวกับธุรกิจเดินเรือ และสามารถทำกำไรจากการลงทุนได้ หรือแม้แต่การลงทุนในไวน์ รถโบราณ รูปภาพ ของสะสม ก็สามารถทำกำไรได้ เพราะฉะนั้นเราถนัดอะไร ให้เลือกลงทุนในสิ่งนั้น

         นอกจากนี้คุณกวียังเพิ่มมุมมองเกี่ยวกับการเริ่มต้นลงทุนว่า ควรจะเริ่มต้นสัดส่วนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนทางหลักก่อน ส่วนการลงทุนทางเลือกในสิ่งที่เราชอบค่อยตามมา

         การลงทุนทางเลือกคือการลงทุนที่ไม่สร้างกระแสเงินสดให้กับเราในอนาคต จะได้กำไรต่อเมื่อราคาขึ้นเท่านั้น ส่วนการลงทุนทางหลักคือการลงทุนที่ให้กระแสเงินสดไปเรื่อย ๆ จะได้มากหรือน้อย แล้วแต่ภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหลายๆ คนมักคิดว่าการลงทุนในอสังหาฯ เป็นการเก็งกำไร แต่จริง ๆ แล้ว อสังหาฯ เป็นการลงทุนทางหลัก เพราะเราได้ผลตอบแทนส่วนใหญ่จากค่าเช่า ที่ให้กระแสเงินสดเราไปเรื่อย ๆ

“หลักการลงทุน คือรู้ลึกในสิ่งที่จะลงทุน และเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ทางหลักก่อน ในสัดส่วนที่ใหญ่กว่า”
         — คุณกวี ชูกิจเกษม, Chief portfolio advisory Pi securities PCL


มุมมองต่อโมเดลธุรกิจเช่าเพื่อซื้อของ JUZMATCH เป็นอย่างไร
         คุณฟรัง แม้จะไม่เคยลงทุนอสังหาฯ มาก่อน แต่ฟังโมเดลแล้วคิดว่า โมเดล JUZMATCH ตอบโจทย์ทั้งคนที่อยากมีบ้านแต่กู้ไม่ผ่าน และนักลงทุนที่ไม่มีเวลาบริหารการลงทุนด้วยตนเอง เพราะตัวเองก็ประกอบอาชีพนักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ก็เข้าใจว่าคนร่วมอาชีพที่ก็อาจจะมีปัญหาการกู้ทั้งที่เป็นคนที่มีศักยภาพ และถ้ามองในฐานะนักลงทุนก็ชอบโมเดล เหมือนได้ช่วยคนที่อยากมีบ้าน แล้วเราก็ได้ผลตอบแทนด้วย โดยมี JUZMATCH เป็นคนกลางที่เชี่ยวชาญช่วยบริหารความเสี่ยงให้

         คุณกวี มีมุมมองต่อ JUZMATCH ว่าเป็นการลงทุนในอสังหาฯ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ทางหลัก แต่ลูกเล่นเป็นแบบใหม่ โดยส่วนตัวมักไม่ปฏิเสธการลงทุนใหม่ ๆ แต่จะจำกัดการลงทุน เพื่อจำกัดความเสี่ยง

JUZMATCH เป็นธุรกิจที่แก้ painpoint ของทั้งนักลงทุนและผู้เช่า และเป็นอสังหาฯ ที่เป็น Real Demand เราลงทุนได้ แค่จำกัดความเสี่ยง และต้องขอข้อมูลจาก JUZMATCH ไปศึกษา เพราะ JUZMATCH เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยจัดการอสังหาฯ แทนเรา และทำให้ผู้เช่าที่มีศักยภาพมีบ้านอย่างที่ต้องการ


บทสรุปสำหรับนักลงทุน
         ในวันที่เศรษฐกิจผันผวนและความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่แน่นอน JUZMATCH ไม่ใช่โมเดลที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงที่สุด แต่เป็นการลงทุนที่ฉลาดและปลอดภัย (Smart&Secure) เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นการลงทุนทางหลัก เป็น Mega Trend ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ถูกพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นเทรนด์ที่คงอยู่เสมอมา นอกจากนี้การลงทุนในอสังหาฯ ในไทย ยังมีความต้องการเสมอและมีแนวโน้มมูลค่าสูงขึ้นเสมอ

         สำหรับปีนี้ที่ตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทาย ไม่ใช่ทุกอสังหาฯ จะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และสร้างความมั่นคงในการลงทุนได้ วันนี้นักลงทุนต้องเล็งการลงทุนอสังหาฯ ในแบบที่มีความต้องการอยู่จริง (Real Demand) เท่านั้นถึงจะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง

         JUZMATCH เป็นโซลูชันทางเลือกการลงทุนอสังหาฯ ที่ลงทุนในความต้องการที่มีอยู่จริง และเป็นการลงทุนที่ได้ช่วยให้คนมีที่อยู่อาศัยและมีพื้นฐานชีวิตที่ดีขึ้น และบริษัทเองได้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เหมาะสม และดำเนินการอย่างมืออาชีพ นั่นทำให้ตั้งแต่ปีแรกในฐานะแพลตฟอร์มเช่าเพื่อซื้อ (Rent-to-Own) รายแรก จนปัจจุบันเราก้าวสู่ปีที่ 6 มีนักลงทุนมากถึง 800 ราย ที่เชื่อมั่นในโมเดลเช่าเพื่อซื้อของ JUZMATCH ได้รับผลตอบแทนการลงทุนไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท และ JUZMATCH ยังคงบทบาทความเป็นผู้นำเบอร์ 1ตลอด 5 ปีต่อเนื่อง โดยได้รับความไว้วางใจจากผู้เช่าซื้อให้บริหารสินทรัพย์รวมกว่า 10,000 ล้านบาท

 

ป้ายกำกับ:

แชร์:

บทความอื่นๆ

image
บทความ
คนเลี้ยงสัตว์ต้องรู้ เปิดกฎหมายใหม่การเลี้ยงสัตว์ในกรุงเทพฯ ก่อนโดนปรับสูงสุด 25,000.-

คนเลี้ยงสัตว์ต้องรู้ เปิดกฎหมายใหม่การเลี้ยงสัตว์ในกรุงเทพฯ เตรียมบังคับใช้ ข้อบัญญัติควบคุมการเลี้ย...

16 ก.ย. 2568
image
บ้าน และสินทรัพย์
รายงานความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง โดย JUZMATCH

ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ปี 2567        ตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2567 จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังห...

30 ก.ค. 2568
image
บ้าน และสินทรัพย์
ที่อยู่อาศัย “มือสอง” (Secondhand Property, Smart Choice) จาก “ตัวเลือกสำรอง” สู่ “ทางเลือกหลัก”

         ถ้าจากความรู้สึก...เราอาจจะยังรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้านมือหนึ่ง แต่ถ้าจากสถิติที่ไม...

3 ก.ค. 2568