ทางเลือกการลงทุน (Alternative Investment) หากคิดจะลงทุนอสังหาฯ ทำไมต้องลงทุนกับ JUZMATCH

เผยแพร่เมื่อ 6 พ.ค. 2568

Event Image

         ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องอธิบายยาว ว่าทำไมต้องลงทุนด้วย แต่ในปัจจุบันไม่ต้องพูดเยอะ โดยเฉพาะช่วงที่ทุกคนเพิ่งผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 หรือวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ทำให้เจ้าของธุรกิจทุกขนาด พนักงานประจำ หรือแม้กระทั่งนักศึกษา ต่างหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนและวางแผนการเงินให้งอกเงยมากยิ่งขึ้น หากจะสรุปเป็นย่อ ๆ ให้เข้าใจตรงกันอีกครั้ง สาเหตุเป็นเพราะการลงทุนจะช่วยป้องกันอำนาจซื้อลดลงจากเงินเฟ้อ (หากเก็บเงินสดไว้เฉย ๆ อำนาจของเงินจะลดลงทุกปี) ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งได้ดีกว่าการฝากเงินออมทรัพย์ ช่วยสร้างความมั่งคั่งระยะยาวเพราะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น ช่วยให้มีความมั่นคงในวัยเกษียณ ช่วยสร้างรายได้ประจำแบบ Passive Income (เช่น เงินปันผล ค่าเช่า ดอกเบี้ย) และการลงทุนก็ยังช่วยเติมเต็มแพชชันในชีวิตได้อีกด้วย จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพิ่มขึ้น


การลงทุนที่ดีที่สุด ต้องเลือกที่ผลตอบแทนสูงสุด จริงหรือไม่?

         การลงทุนมีหลากหลาย จะเลือกตัวไหนดี เลือกตัวเลขผลตอบแทนสูงที่สุดคือดีที่สุด จริงหรือไม่...ที่จริงแล้วการตอบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ได้มองแค่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (%) ที่สูง ๆ เท่านั้น นักลงทุนควรศึกษาเรื่องความเสี่ยง สภาวะตลาด ระยะเวลาในการลงทุน สินทรัพย์ที่ลงทุน สภาพคล่อง ความสม่ำเสมอของผลตอบแทนที่ได้รับ และเป้าหมายการเงินของแต่ละบุคคล ฯลฯ แต่หากมองที่หลักคิดพื้นฐาน เราสามารถพิจารณาผลตอบแทน ได้ 3 ระดับ กล่าวคือ

         ▪︎ ผลตอบแทนที่ดี ควรสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1-2% ต่อปี แต่บางช่วงอาจสูงกว่านั้น เช่น ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ผลตอบแทนที่ดีจึงไม่ควรได้น้อยกว่านั้น  

         ▪︎ ผลตอบแทนที่ดีกว่า ควรเทียบผลตอบแทนควบคู่กับความเสี่ยง เช่น ผลตอบแทน 6% ถือว่าดีสำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่อาจจะดีไม่พอสำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง หรือ บนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกันผลตอบแทนสูงกว่าย่อมดีกว่า โดยทั่วไปผลตอบแทนที่นักลงทุนพึงพอใจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาล  

         ▪︎ ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ควรสอดคล้องเป้าหมายทางการเงินของนักลงทุนมากที่สุด เช่น หากต้องการเตรียมเกษียณ การลงทุนที่ได้ผลตอบแทน 6% ต่อปีขึ้นไป ถือว่าดีเพราะสามารถให้เงินงอกเงยเพียงพอ หรือหากต้องการแค่รักษาเงินต้น อัตราผลตอบแทน 3-5% ก็ถือว่าดีเพียงพอ เพราะสามารถรักษามูลค่าที่แท้จริงของเงินไม่ให้ลดลงตามกาลเวลาได้

        ​ดังนั้น หากคิดจะเริ่มต้นลงทุน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน และเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ “การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย เนื่องจากมีอุปสงค์พื้นฐานที่ไม่มีวันหายไป ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือแย่แค่ไหน...คนก็ยังต้องมีที่อยู่อาศัย การลงทุนในอสังหาฯ จึงถือได้ว่าเป็นการลงทุนในความจำเป็นที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของชีวิต


ทำไมการลงทุนในอสังหาฯ ถึงได้รับความนิยมตลอดมา?

         ทุกการลงทุน...จำนวนเงินตั้งต้น มีผลต่อผลตอบแทนที่จะได้รับ ดังนั้น ต่อให้ลงทุนเก่งแค่ไหน แต่หากไม่มีเงินทุน ก็ไม่ได้น้ำได้เนื้อ แต่ต่างกับการลงทุนในอสังหาฯ ที่ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายรูปแบบทั้งระยะสั้นและระยะยาวแล้ว ยังมีสิ่งที่โดดเด่นจนเรียกว่าเป็นหมัดเด็ดของการลงทุนอสังหาฯ  คือ เริ่มต้นง่าย โดยสามารถใช้เงินทุน 0 บาท เพราะสามารถใช้ Leverage หรือการใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อมาลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินลงทุนที่มีอยู่ นับเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดมากทางหนึ่ง

        ​เพื่อให้เข้าใจกระจ่างขึ้น เรามาลองดูตัวอย่างการใช้เลเวอเรจในการลงทุนอสังหาฯ เปรียบเทียบการลงทุนในหุ้น ที่ให้ผลตอบแทน 10% เท่ากัน กำไรต่างกันอย่างไร

        ▪︎ A ลงทุนในหุ้น
         A มีเงินทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท และลงทุนทั้งหมดในตลาดหุ้น หากได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี เท่ากับว่า A ได้กำไร 100,000 บาท

         ▪︎ B ลงทุนในอสังหาฯ  
         B มีเงินทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท เท่ากัน แต่เลือกกู้เพิ่มอีก 9 ล้านบาท เพื่อลงทุนในอสังหาฯ มูลค่า 10 ล้านบาท หากอสังหาฯ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10% เท่ากับว่า B ได้กำไร 1 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าจะต้องหักดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 4% ของ 9 ล้านบาท หรือราว 360,000 บาท B ยังเหลือกำไรสุทธิประมาณ 640,000 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 64% จากเงินทุนตั้งต้น ซึ่งสูงกว่าการลงทุนแบบใช้เงินสดล้วนหลายเท่า
       

         คุณคิดเหมือนกันไหมว่า ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะเลือกลงทุนแบบ B และหากเปรียบเทียบความสามารถในการใช้เลเวอเรจและอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในอสังหาฯ กับสินทรัพย์อื่น เป็นดังนี้
        ​
        จากตาราง เราไม่ได้กำลังบอกว่า ลงทุนอสังหาฯ ดีที่สุด แต่เราอยากให้เห็นข้อดีของการลงทุนอสังหาฯ ในมิติของการเป็นทางเลือกลงทุน ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย แม้ทุนน้อยหรือไม่มีทุนก็เริ่มต้นได้ และให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์หลาย ๆ ตัว และเทียบกับหุ้นก็ให้ผลตอบแทนสูงไม่ต่างกันมากนัก นอกจากนี้การลงทุนในอสังหาฯ ยังมีข้อดีอีกหลายประการเหนือการลงทุนอื่น ๆ ดังนี้

        1. ความผันผวนของราคาต่ำ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น​ เช่น หุ้นหรือสกุลเงินดิจิทัล ทำให้นักลงทุนอสังหาฯ รับความเสี่ยงที่น้อยกว่า​ในอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกัน

        2. มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน​ เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าจับต้องได้ และยังสามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าโดยเฉพาะในทำเลที่มีอัตราการเช่าสูง ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนมีรายได้ต่อเนื่อง มีกระแสเงินสด และมีรายได้จากค่าเช่าที่นำมาชำระเงินกู้ได้ และสามารถใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อหรือการลงทุนอื่น ๆ ต่อได้ หรือสามารถอยู่อาศัยเองก็ได้

        3. สามารถรักษามูลค่าและราคาเติบโตในระยะยาว​ อสังหาฯ เป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจ แนวโน้มการปรับขึ้นของราคาที่ดินและอสังหาฯ ในไทยสะท้อนผ่านการปรับราคาประเมินรอบปี 2566–2569 ซึ่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 8% โดยกรุงเทพฯ ปรับขึ้นราว 3% ทั้งนี้ ทำเลที่มีมูลค่าสูงสุดยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า

        4. สิทธิประโยชน์ทางภาษี​ นักลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เช่น การหักดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ใช้ในการลงทุน​


สนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต้องรู้อะไรบ้าง

การลงทุนในอสังหาฯ มี 5 รูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบมีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับนักลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนี้

        1. การเก็งกำไร – นักลงทุนอสังหาฯ ต้องเข้าใจว่าการลงทุนต่างกับการเก็งกำไร
        ▪︎ การลงทุนในอสังหาฯ มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ผู้ลงทุนมักถือครองทรัพย์สินเป็นเวลาหลายปีไปจนถึง หลายทศวรรษ เป็นรูปแบบหนึ่งในการซื้ออสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ ฯลฯ เพื่อถือปล่อยเช่าหรือรอขาย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเป็นกำไรจากส่วนต่างกลับมา จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว ผู้ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ที่มีมูลค่าถาวร
        ▪︎ เก็งกำไรในอสังหาฯ มีเป้าหมายหลักเพื่อแสวงหากำไรในระยะสั้น ระยะเวลาถือครองจะสั้น อาจเป็นวัน-เดือน เช่น การขายใบจอง นักเก็งกำไรส่วนใหญ่มักไม่ได้ต้องการครอบครองสินทรัพย์จริง แต่ต้องการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาด และสามารถจับจังหวะซื้อขายได้อย่างแม่นยำ ข้อดีคือสร้างผลกำไรได้เร็ว แต่ข้อควรระวังคือมีความเสี่ยงสูง

(สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมาตรการป้องกันการเก็งกำไรในอสังหาฯ ที่มากไป โดยมีการกำหนดอัตราส่วน วงเงินที่กู้ได้ (LTV: Loan to Value) ให้ไม่สูงเกินไป และอีกมุมหนึ่ง LTV ที่สูงอาจก่อให้เกิดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จากการก่อหนี้เกินตัวของผู้ซื้อ และเสี่ยงต่อการมีสินเชื่อเงินทอนด้วย (กู้เงินได้มากกว่ามูลค่าบ้าน) ซึ่งปัญหาทั้งหมดอาจนำไปสู่การสูญเสียเสถียรภาพทางการเงินของประเทศได้)

        2. การปล่อยเช่าเพื่อสร้างกระแสเงินสด – นักลงทุนซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าแบบรายเดือน (อสังหาฯ สำหรับอยู่อาศัย, สำหรับการพาณิชย์, สำหรับอุตสาหกรรม) หรือปล่อยเช่าแบบรายวัน (อสังหาฯ สำหรับพักผ่อน) ได้รับความนิยมในผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอจากค่าเช่า จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินก้อนเป็นเงินเย็น เลือกทำเลที่ดีเป็น และต้องมีเวลาในการบริหารจัดการผู้เช่าและบำรุงรักษาอสังหาฯ  ควรมีแผนสำรองในกรณีที่ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

        3. การลงทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ (Real Estate Investment Trusts - REITs) – เป็นการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ (REITs) ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่คัดเลือกและนำเงินไปลงทุนในอสังหาฯ ประเภทต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และอาคารสำนักงาน เป็นทางเลือกที่มีสภาพคล่องสูงกว่าการถือครองอสังหาฯ โดยตรง จึงเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการลงทุน โดยไม่ต้องจัดการทรัพย์สินเอง ข้อดีคือสามารถซื้อขายได้สะดวกในตลาดหลักทรัพย์ มีเงินหลักพันก็สามารถลงทุนได้ เมื่อกองทุนอสังหาฯ ได้รับค่าเช่าแล้ว จะดำเนินการหักค่าธรรมเนียมการบริหารก่อนนำรายได้แบ่งเป็นเงินปันผลให้กับนักลงทุน  ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6-10% ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้น
        4. การลงทุนในหุ้นอสังหาฯ – คือการซื้อหุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำ เช่น แสนสิริ (SIRI), เอพี (AP), และศุภาลัย (SPALI) เป็นต้น สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ ผ่านตลาดหุ้น ข้อดีคือสามารถซื้อขายได้สะดวก มีโอกาสได้รับเงินปันผล และไม่มีค่าธรรมเนียมการจัดการเหมือนกองทุนอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นมีความผันผวนตามภาวะตลาด จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในธุรกิจอสังหาฯ เศรษฐกิจมหภาค และปัจจัยที่กระทบต่อภาคอสังหาฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยทั่วไปการลงทุนในหุ้นเหล่านี้ไม่ได้กระจายความเสี่ยงไปยังอสังหาฯ ต่างประเทศโดยตรง เว้นแต่ว่าบริษัทนั้นมีการลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว

        5. การลงทุนเพื่อรีโนเวต – เป็นหนึ่งในการลงทุนอสังหาฯ ที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะในตลาดที่ยังมีทรัพย์ราคาต่ำกว่าศักยภาพให้เลือกพอสมควรแบบไทยเรา เป็นการลงทุน โดยการซื้ออสังหาฯ มือสอง ที่ยังมีสภาพโครงสร้างแข็งแรงอยู่และมีราคาต่ำกว่าราคาตลาด หรือซื้ออสังหาฯ มือหนึ่ง แล้วนำมารีโนเวต ปรับปรุง หรือตกแต่งให้สวยงามตามความเทรนด์หรือต้องการของตลาด  เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีการเข้าใจลูกค้า มาเพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัยเก่า ก่อนที่จะทำการปล่อยเช่า/ขายต่อให้กับเจ้าของใหม่ในราคาที่สูงขึ้น สามารถทำกำไรได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนอาจต้องมีความรู้เรื่องการรีโนเวตบ้านให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย การกำหนดงบประมาณอย่างละเอียดรอบคอบ การวัสดุหรือเลือกใช้บริการผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญด้วย

มาถึงจุดนี้ ผู้อ่านคงพอเห็นภาพแล้วว่าการลงทุนในอสังหาฯ มีทางเลือกและข้อดีหลากหลาย แต่แค่รู้จักข้อดียังไม่พอ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มักไม่ลืมที่จะมองในมุมกลับ วางแผนรับมือกับ Worst Case Scenario ไว้ล่วงหน้าเสมอ ไม่ใช่เพียงเพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่เพื่อประเมินและบริหารให้ความเสี่ยงนั้นไม่กลายเป็นความเสียหายใหญ่ในอนาคต

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด การลงทุนในหุ้นหรือกองทุนอาจเผชิญกับแรงกดดันจากความผันผวนของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวแล้วบริษัทนั้นประสบภาวะล้มละลายจนถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าหุ้นอาจลดลงจนเหลือศูนย์ นั่นหมายถึงการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด

สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กรณีเลวร้ายที่สุดอาจเกิดขึ้นได้ คือ การหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะในทำเลที่เริ่มมีการแข่งขันสูงหรืออิ่มตัว ส่งผลให้ทรัพย์ “ติดมือ” หรือขายไม่ออก และต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ระหว่างนั้น นักลงทุนยังคงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ-ไฟ ภาษีที่ดิน และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ซึ่งจะเริ่มกระทบต่อสภาพคล่องโดยรวม และหากสถานการณ์ซ้ำเติมด้วยวิกฤต เช่น การระบาดของ COVID-19 หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด ที่ส่งผลสะเทือนต่อทั้งวงการอสังหาฯ ที่เคยเป็นสินทรัพย์มั่นคงอย่างคอนโดใจกลางเมือง อาจประสบภาวะราคาตก หากนักลงทุนไม่สามารถแบกต้นทุนต่อไปได้ การขายออกในช่วงวิกฤตอาจหมายถึงการ “ตัดขาดทุน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 
ไขปริศนาการลงทุนอสังหาฯ แบบได้แน่ ๆ

        ​การลงทุนอสังหาฯ กับ JUZMATCH คือ การลงทุนอสังหาฯ นวัตกรรมใหม่ ที่ปิดทุกความเสี่ยงของการขาดทุน เป็นการลงทุนอสังหาฯ รูปแบบปล่อยเช่าเพื่อขาย ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างตลอด 4 ปี (เติบโต 300%) โดยมีจุดเด่นที่เหมาะกับทุกคน นักลงทุนมือใหม่ที่ไม่มีความรู้ ไม่เคยลงทุนมาก่อน และเหมาะกับนักลงทุนมืออาชีพ เหนื่อยกับความไม่แน่นอนของตลาดและต้องการกระจายพอร์ตมาหลบภัยชั่วคราว
       
        ​JUZMATCH เป็นโซลูชันทางเลือกที่ฉลาดและปลอดภัย นักลงทุนได้ผลตอบแทนแบบไม่ต้องลุ้น ผลตอบแทนที่จ่ายให้แน่นอน เริ่มต้นที่ 6% ต่อสัญญา และนักลงทุนไม่ต้องหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อเอง เนื่องจากในแพลตฟอร์มของ JUZMATCH มีผู้เช่าเพื่อซื้อที่มีความต้องการซื้ออยู่อาศัยจริงรออยู่แล้ว เราจะช่วยดูแลผู้เช่าตลอดระยะเวลาสัญญา และบริหารจัดการให้เบ็ดเสร็จ ไร้ความเสี่ยง การขาดส่งเงินให้ธนาคาร เพราะเรานำส่งเงินแทนคุณแบบตรงเวลาทุกเดือน (ไม่เว้น แม้ผู้เช่าจะขาดส่งหรือส่งช้า)

        ​รวมถึงเราจะมีทีมกฎหมายและทีมที่ปรึกษาช่วยผู้เช่าจนพวกเขาสามารถซื้อทรัพย์ต่อจากคุณได้ สิ่งที่คุณต้องทำ เพียงแค่เลือกรูปแบบการลงทุนและเลือกว่าจะรับผลตอบแทนเป็นเงินก้อนตั้งแต่วันแรก (ลงทุนแบบเครดิต) หรือจะเลือกรับผลตอบแทนแบบต่อเนื่องรายเดือนตามที่คุณต้องการ (ลงทุนด้วยเงินสด ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า และสูงสุดถึง 40% ต่อสัญญา)  

        ​นอกจากนี้การลงทุนกับ JUZMATCH เป็นการลงทุนที่ได้ทั้งเงินและได้ช่วยคน เพราะเราดำเนินธุรกิจมาด้วยเจตนารมย์ในการได้ช่วยผู้คนที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่กู้หรือขอสินเชื่อธนาคารไม่ผ่านให้สามารถมีบ้านได้ เราพิสูจน์แล้วว่าในกลุ่มคนที่กู้ไม่ผ่าน ยังมีกลุ่มคนที่ถูกประเมินศักยภาพด้วยเกณฑ์แบบเหมารวมหรือตัวชี้วัดแบบเดิม ๆ ซึ่งพวกเขาเป็นคนที่มีศักยภาพและต้องการบ้านจริง เราต้องการเป็นส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง ในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการมีบ้านของคนสังคมไทย และแน่นอนว่าหากคุณมาร่วมนักลงทุนในแพลตฟอร์มของเรา ก็เท่ากับคุณได้มีส่วนช่วยคนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน

ตารางสรุปภาพรวมการลงทุนอสังหา ฯ
        ​หากจะกล่าวโดยสรุป การลงทุนที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขผลตอบแทนสูงสุด แต่ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายส่วนบุคคล รับความเสี่ยงได้ และเหมาะกับจังหวะชีวิตของแต่ละคน ท่ามกลางทางเลือกที่หลากหลาย การลงทุนในอสังหาฯ ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ สร้างรายได้สม่ำเสมอ และมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะหากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ “ฉลาด ปลอดภัย และรู้ผลลัพธ์ตั้งแต่วันแรก” JUZMATCH คือคำตอบ ด้วยโมเดล “เช่าเพื่อซื้อ” ที่ออกแบบให้คุณได้รับผลตอบแทนแน่นอน มีผู้เช่าที่อยู่อาศัยจริงรออยู่แล้ว และมีทีมงานดูแลครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ นี่คือการลงทุนอสังหาฯ รูปแบบใหม่ที่เราเรียกว่า “การลงทุนที่รู้เฉลย” ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนเริ่มต้นได้ ไม่จำเป็นต้องมีทุนหนา แค่เลือกทางที่ใช่ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินในแต่ละช่วงชีวิต หากต้องการคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของ JUZMATCH สามารถนัดหมายรับคำแนะนำได้ฟรีที่นี่

        ​สำหรับผู้ที่สนใจ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนกับ JUZMATCH อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากสนใจ ยังสามารถติดต่อ Investment Consultant หรือ Certified Agent ตัวแทนขายที่ได้รับอนุญาตของเรา เพื่อช่วยประเมินผลตอบแทนได้ที่ Line OA: @juzmatch หรือ โทร. 02-821-6956


 

ป้ายกำกับ:

แชร์:

บทความอื่นๆ

image
บ้าน และสินทรัพย์
รายงานความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง โดย JUZMATCH

ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ปี 2567        ตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2567 จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังห...

30 ก.ค. 2568
image
บ้าน และสินทรัพย์
ที่อยู่อาศัย “มือสอง” (Secondhand Property, Smart Choice) จาก “ตัวเลือกสำรอง” สู่ “ทางเลือกหลัก”

         ถ้าจากความรู้สึก...เราอาจจะยังรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่เลือกซื้อบ้านมือหนึ่ง แต่ถ้าจากสถิติที่ไม...

3 ก.ค. 2568
image
บ้าน และสินทรัพย์
จักรวาลการกู้บ้าน (Home Loan 101) รู้ให้ครบ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน

         การซื้อบ้านหลังแรกคือ “หมุดหมายสำคัญ” ของชีวิตหลายคน และ “การกู้ซื้อบ้าน” คือประตูด่านแรกท...

20 มิ.ย. 2568